มรดกระหว่างประเทศถูกเก็บภาษีระหว่างเยอรมนีและไทยอย่างไร?
1. บทนำ
มรดกระหว่างประเทศอาจเกี่ยวข้องกับผลกระทบด้านภาษีที่ซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้รับผลประโยชน์ชาวไทยที่รับมรดกจากเยอรมนี การทำความเข้าใจภาระภาษีในทั้งสองประเทศและบทบาทของข้อตกลงการเก็บภาษีซ้ำซ้อนถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงภาระทางการเงินที่ไม่จำเป็น บทความนี้จะอธิบายวิธีการเก็บภาษีมรดกระหว่างประเทศระหว่างเยอรมนีและไทย โดยเน้นที่กฎเกณฑ์ข้ามพรมแดน การยกเว้น และข้อควรพิจารณาในทางปฏิบัติ
2. การจัดเก็บภาษีในประเทศเยอรมนี
2.1 เยอรมนีเรียกเก็บภาษีมรดกจากทั้งผู้มีถิ่นพำนักและผู้ไม่มีถิ่นพำนัก หากผู้เสียชีวิตหรือทรัพย์สินที่ได้รับมรดกมีความเกี่ยวข้องกับเยอรมนี ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ บัญชีธนาคาร และผลประโยชน์ทางธุรกิจที่ตั้งอยู่ในเยอรมนี
2.2 อัตราภาษีขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างทายาทกับผู้เสียชีวิต โดยแบ่งเป็น 3 ชั้นภาษี ดังนี้
ภาษีชั้น 1 (ญาติสนิท เช่น คู่สมรสและบุตร): 7–30%
ภาษีชั้น 2 (ญาติห่างๆ): 15–43%
ภาษีชั้น 3 (ผู้ที่ไม่ใช่ญาติ รวมทั้งแฟนสาวชาวไทย) : 30–50%
2.3 มีข้อยกเว้น โดยเกณฑ์จะขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของทายาทกับผู้เสียชีวิต:
คู่สมรส: 500,000 ยูโร
เด็ก: 400,000 ยูโร
ญาติห่างๆ และบุคคลที่ไม่ใช่ญาติ: 20,000 ยูโร
2.4 กฎหมายเยอรมันกำหนดให้ต้องคำนวณภาษีตามทรัพย์สินทั่วโลกหากผู้เสียชีวิตเป็นผู้มีถิ่นพำนักในเยอรมนี สำหรับผู้เสียชีวิตที่ไม่ได้เป็นผู้มีถิ่นพำนักในเยอรมนี จะต้องเสียภาษีเฉพาะทรัพย์สินที่อยู่ในเยอรมนีเท่านั้น
3. การจัดเก็บภาษีในประเทศไทย
3.1 ประเทศไทยไม่จัดเก็บภาษีมรดกจากมรดกระหว่างประเทศในกรณีส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้กระบวนการของผู้รับผลประโยชน์ชาวไทยในการรับทรัพย์สินจากต่างประเทศง่ายขึ้น
3.2 เจ้าหน้าที่ภาษีของไทยอาจสอบถามเกี่ยวกับการโอนทรัพย์สินจำนวนมากเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงินหรือการหลีกเลี่ยงภาษี โดยปกติแล้วเอกสารที่พิสูจน์ความถูกต้องตามกฎหมายของมรดกก็เพียงพอแล้ว
3.3 รายได้ใดๆ ที่เกิดจากทรัพย์สินที่สืบทอด เช่น รายได้จากการเช่าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเยอรมนี อาจต้องเสียภาษีเงินได้ของประเทศไทย หากทายาทเป็นผู้มีถิ่นพำนักเพื่อเสียภาษีในประเทศไทย
4. ความตกลงภาษีซ้อนระหว่างประเทศเยอรมนีและประเทศไทย
4.1 ประเทศเยอรมนีและประเทศไทยมีข้อตกลงการเก็บภาษีซ้ำซ้อนเพื่อป้องกันไม่ให้ทายาทต้องเสียภาษีมรดกซ้ำซ้อน
4.2 ตามข้อตกลงนี้ ภาษีมรดกโดยทั่วไปจะต้องชำระในประเทศที่ทรัพย์สินตั้งอยู่ ตัวอย่างเช่น อสังหาริมทรัพย์ในเยอรมนีจะต้องเสียภาษีในเยอรมนี แม้ว่าทายาทจะอาศัยอยู่ในประเทศไทยก็ตาม
4.3 หากหน่วยงานไทยเรียกเก็บภาษีจากรายได้ที่ได้รับจากมรดก เช่น รายได้จากการเช่า ภาษีที่จ่ายในประเทศเยอรมนีอาจได้รับการเครดิตจากหนี้ภาษีของไทย ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติของข้อตกลง
5. สถานการณ์ทั่วไป
5.1 สถานการณ์ที่ 1: หญิงไทยรับมรดกอสังหาริมทรัพย์จากเยอรมัน
ทรัพย์สินดังกล่าวจะถูกเก็บภาษีในเยอรมนีตามมูลค่าและความสัมพันธ์ของทายาทกับผู้เสียชีวิต
หากมีการให้เช่าทรัพย์สิน รายได้จากการเช่าอาจถูกเรียกเก็บภาษีทั้งในเยอรมนีและไทย โดยมีเครดิตภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีซ้ำซ้อน
5.2 สถานการณ์ที่ 2: หญิงไทยรับมรดกทรัพย์สินทางการเงินในประเทศเยอรมนี
สินทรัพย์ทางการเงินของเยอรมนี เช่น บัญชีธนาคาร จะถูกเก็บภาษีในเยอรมนี
หากสินทรัพย์ก่อให้เกิดดอกเบี้ยหรือเงินปันผล รายได้เหล่านั้นอาจต้องเสียภาษีเงินได้ในประเทศไทย
6. ขั้นตอนเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนด
6.1 การขอรับเอกสาร
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารที่จำเป็นทั้งหมด เช่น ใบรับรองการได้รับมรดก (Erbschein) และใบแจ้งยอดธนาคาร ได้รับการแปลและรับรองอย่างถูกต้องสำหรับการใช้งานในประเทศเยอรมนีและประเทศไทย
6.2 ประกาศการรับมรดกในทั้งสองประเทศ
แจ้งกรมสรรพากรของเยอรมนี (Finanzamt) เกี่ยวกับมรดกภายในสามเดือนนับจากวันที่รับมรดก กรมสรรพากรของไทยอาจต้องการหลักฐานมรดกสำหรับการโอนทรัพย์สินจำนวนมาก
6.3 การว่าจ้างที่ปรึกษาด้านภาษี
ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีทั้งในประเทศเยอรมนีและประเทศไทยเพื่อให้มั่นใจว่าสอดคล้องกับกฎหมายในท้องถิ่นและเพิ่มประโยชน์ทางภาษีให้สูงสุดภายใต้ข้อตกลงการเก็บภาษีซ้ำซ้อน
7. ตัวอย่างการปฏิบัติจริง
7.1 สตรีชาวไทยได้รับมรดกทรัพย์สินของประเทศเยอรมนีมูลค่า 300,000 ยูโร ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์และเงินออม
7.2 ภาษีในประเทศเยอรมนี:
การยกเว้น: 20,000 ยูโร (ภาษีชั้น III)
จำนวนเงินที่ต้องเสียภาษี: 280,000 ยูโร
อัตราภาษี : 30%.
ภาษีที่ต้องชำระ: 84,000 ยูโร
7.3 ภาษีในประเทศไทย:
ไม่มีภาษีมรดก แต่รายได้จากการเช่าทรัพย์สินจะต้องเสียภาษีเงินได้ไทย
เครดิตภาษีอาจใช้ได้กับภาษีที่ชำระในประเทศเยอรมนี
8. ข้อควรพิจารณาที่สำคัญ
8.1 ที่ตั้งสินทรัพย์
โดยทั่วไปแล้ว ประเทศที่ทรัพย์สินตั้งอยู่จะเป็นตัวกำหนดภาระภาษีหลัก อสังหาริมทรัพย์ในเยอรมนีต้องเสียภาษีมรดกของเยอรมนีอยู่เสมอ
8.2 ภาษีเงินได้จากสินทรัพย์ที่ได้มา
รายได้ที่เกิดจากสินทรัพย์ที่สืบทอด เช่น ค่าเช่าหรือเงินปันผล อาจทำให้เกิดภาระภาษีเพิ่มเติมในทั้งสองประเทศ
8.3 ไทม์ไลน์
ภาษีมรดกของเยอรมันจะต้องแจ้งและชำระภายในสามเดือน ให้แน่ใจว่ามีการสื่อสารกับหน่วยงานด้านภาษีของทั้งเยอรมันและไทยอย่างทันท่วงทีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปรับ
9. บทสรุป
ผู้รับผลประโยชน์ชาวไทยที่รับมรดกจากเยอรมนีต้องปฏิบัติตามภาระภาษีมรดกในทั้งสองประเทศ แต่ข้อตกลงภาษีซ้ำซ้อนมีกลไกในการหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีซ้ำซ้อน การทำความเข้าใจกฎภาษี การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และการรักษาเอกสารให้ถูกต้องจะช่วยให้ปฏิบัติตามกฎและลดภาระทางการเงินลงได้ ด้วยการใช้แนวทางเชิงรุก ทายาทชาวไทยสามารถจัดการมรดกระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ